11.ศาสนาแห่งกลียุค
ภัยระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์นั้นน่าจะเกิดจากความเหลื่อมล้ำในความอุดมสม
บูรณ์ของธรรมชาติ
ซึ่งเป็นเหตุให้ชุมชนหนึ่งที่ขาดแคลนให้มีจิตใจแข็งกล้าขึ้นมา
และเข้าต่อกรกับชุมชนที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสมบูรณ์ ทั้งนี้เพื่อช่วงชิงเป็นเจ้าของสิ่งแวดล้อมนั้น เราไม่อาจกล่าวเรื่องนี้ได้มากนักเพราะยังไม่มีข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์สำหรับนำมาอ้างอิงอย่างเพียงพอ แต่ข้ออ้างของประเทศฝ่ายรุกรานก่อนนั้นล้วนเป็นการกล่าวอ้างเพื่อผลประโยชน์ของตนทั้งสิ้น
เมื่อชุมชนเข้าโจมตีกันก็ย่อมมีผู้แพ้และผู้ชนะผู้แพ้ย่อมตกเป็นเชลยและทาส เพราะเหตุนี้จึงเป็นสา
เหตุหนึ่งของการเกิดระบบทาสขึ้นในประวัติศาสตร์ของมนุษย์
และได้อยู่ยืนยาวมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน(เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบในการกดขี่บังคับให้ซับซ้อนขึ้น..)
เมื่อรบชนะชีวิตทาสย่อมตกอยู่ในมือของผู้ชนะผู้ชนะย่อมมีสิทธิ์เหนือชีวิตทาสไปในตัวมิหนำซ้ำยังถือเอาลูกหลานของทาสเป็นทาสตามไปด้วยและสามารถซื้อขายทาสประดุจสัตว์เลี้ยง เจ้าทาสใช้งานทาสหนักมากแต่ให้อาหารพอแค่ประทังชีวิตเท่านั้น
ในกรณีเช่นนี้พวกทาสจึงมีความคิดที่จะหลีกให้พ้นจากสภาวะทาสโดยคิดหาทางต่อต้านเจ้าทาส
การกระทำเช่นนี้ทำให้เกิดแนวคิดใหม่ๆและศาสนาใหม่ๆขึ้น
ในขณะที่เจ้าทาสมีชีสิตด้วยความสมบูรณ์พูนสุขเพราะมีทาสคอยรับใช้และผลิตของกินของใช้ให้อย่างเหลือเฟือ ประกอบกับได้มีศาสนาที่ติดต่อกับ”เบื้องบน”
อยู่แล้ว
พวกเจ้าทาสจึงเสาะแสวงหาความไม่ตายหรืออมฤตภาพ(Immortality)
จะเห็นว่าศาสนาต่างๆนั้นในชั้นแรกย่อมเกิดจากความต้องการ
ของมหาชนเพื่อผลประโยชน์อย่างหนึ่งอย่างใดก่อน ต่อมาชนส่วนน้อยที่เป็นเจ้าทาสในสังคมทาส
ได้นำเอาศาสนามาประกอบกับความปรารถนาของตนเพื่อจะได้มีชีวิตตลอดไป
อีกด้านหนึ่งก็ได้นำมาเป็นประโยชน์ในการปกครองทาสด้วย เพราะเมื่อสอนให้เชื่อได้ทั่วหน้ากันว่าเทพเจ้าที่อยู่เหนือมนุษย์
นั้นมีอยู่จริง การยอมรับว่ามนุษย์ด้วยกันเองก็อยู่เหนือกันได้ย่อมเกิดขึ้น
ทั้งนี้จึงทำให้บรรดาทาสยอมรับอำนาจปกครองของพวกเจ้าทาสโดยดุษฎี ด้วยประการฉะนี้เองพวกเจ้าทาสจึงเทิดทูนศาสนาแห่งเทพเจ้าเป็นอันมาก
เนื่องจากมีแรงงานถูกๆคล้ายแรงงานสัตว์อยู่ในกำมือ พวกนายทาสจึงได้จัดสร้างเทวะสถาน
ปราสาทราชวัง ด้วยถาวรวัตถุขึ้นอย่างมโหฬาร
สิ่งเหล่านี้ยังคงเหลือให้เห็นมาถึงปัจจุบัน
นับว่าระบบทาสในสมัยนั้นได้เอื้ออำนวยผลประโยชน์ให้แก่เจ้าทาสเป็นอย่างมาก เพราะมันได้สร้างอารยะธรรมและวิทยาการต่างๆให้แก่โลกด้วย
ในประวัติศาสตร์ชั้นต้นๆของอินเดียนั้นชนเผ่าอารยันได้รุกเข้ามาในอินเดียตอนเหนือและได้ลดฐานะของพวกมิลักขะหรือดราวิเดีลงเป็นทาส ในยุโรป..ชนชาติกรีกและโรมันได้ให้กำเนิดระบบทาสขึ้นนับว่าการกำเนิดของระบบทาสนี้เป็นไปตามการพัฒนาของสังคม
บางแห่งพวกทาสได้รวมกำลังกันเข้าต่อสู้กับเจ้าทาส ในการนี้ศาสนาเก่าได้ไปเข้ากับฝ่ายเจ้าทาสจึงได้เกิดศาสนาใหม่ขึ้น...ศาสนาที่สนับสนุนการรวมตัวกันของทาส
เมื่อเห็นว่าศาสนาที่นับถือเทพเจ้าหลายองค์ทำให้คนไม่สามัคคีกันและรวมกันไม่ติ ศาสดาในยุคใหม่จึงสอนศาสนาที่นับถือพระเจ้าองค์เดียวซึ่งถือว่ามีความจะเป็น และในขณะนั้นระบบที่ปกครองด้วยกษัตริย์ได้เกิดขึ้นบ้างแล้ว ได้เกิดวรรณะนักรบขึ้นคือพวกกษัตริย์และชนชั้นปกครอง
และคนพวกนี้ได้ดำเนินการปกครองโดยใช้อำนาจผ่านกษัตริย์เพียงองค์เดียว
ทำให้พวกเจ้าทาสสามารถผนึกกำลังให้เป็นหนึ่งเดียวได้ ดังนั้นผู้นำของพวกทาสจึงใช้วิธีเดียวกันในการรวมกำลังกันเข้าต่อสู้ เนื่องจากทาสเป็นชนที่ร่วมวรรณะเดียวกัน การสอนเรื่องพระเป็นเจ้าองค์เดียวจึงมีความจำเป็น
เราไม่ทราบแน่ชัดถึงต้นกำเนิดของลัทธิพรหมในอินเดีย แต่เราทราบภายหลังการพิชิตอินเดียของพวกอารยันแล้ว ชนเผ่ามิลักขะที่ถูกลดฐานะลงเป็นวรรณะที่ต่ำกว่ามีความคิดขัดแย้งกับพวกอารยัน
คำสอนเรื่องพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวที่เรียกว่าพระพรหม หรือ ปรมาตมัน นั้นเชื่อกันว่าอาจจะเป็นการปรับความเชื่อของตนให้เข้ากับศาสนาดั้งเดิมของชาวมิลักขะ
พระเวทซึ่งเป็นคัมภีร์สำคัญของศาสนาพราหมณ์ในระยะหลังๆก็ได้มีคำสอนเรื่องพระเจ้าองค์เดียวตามเข้ามา
ก่อนคริสตศักราช
586 ปี ราชาแห่ง ฆานเดียนได้ยกทัพเข้าทำลายกรุงเยรูซาเล็ม และจับเอาชาว ยิวไปเป็นทาสในกรุงบาบิโลน(อยู่ในประเทศอิรัค) ศาสดาพยากรณ์ชื่อ อาซียะห์ได้ช่วยกอบกู้อิสรภาพของชาวยิวขึ้นมาอีกโดยย้ำสอนลัทธิพระเจ้าองค์เดียว
ก่อนหน้านี้หลายร้อยปีโมเสสได้ใช้ศาสนาในทำนองนี้รวบรวมชาวยิวที่ถูกกวาดต้อนไปเป็นทาสหนีออกจาอียิปต์ได้สำเร็จเช่นกัน ยังมีอีกหลายครั้งหลายหนที่ศาสนาเก่าได้สูญเสียความชอบธรรมไปโดยที่พวกนักบวชละเว้นไม่ปฏิบัติตนตามคำสอนที่แท้จริง
ประกอบกับบ้านเมืองเกิดความระส่ำระสาย
ชนชั้นสูงใช้ชีวิตแบบโอ่อ่าฟุ่มเฟือยท่ามกลางความทุกข์ยากของประชาชน มีการข่มเหงกันทางการเมืองและการนับถือศาสนา ยุคสมัยเช่นนี้จึงเป็นกลียุค และในจุดที่วิกฤตสุดนี้มักจะมีบรมศาสดาเกิดขึ้นมาแก้ไข เป็นต้นว่าพระเยซูคริสต์ทำให้ศาสนาของพระเจ้าองค์เดียวบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นและได้ชี้ให้เห็นถึงต้นเหตุแห่งความเสื่อมศีลธรรม พระศาสดามูฮัมหมัดได้รื้อฟื้นศาสนาเก่าขึ้นมาโดยทำการต่อต้านชนเผ่ากุเรชที่รักษาวิหารกะบะฮ์
ที่ถอยหลังเข้าคลองไปนับถือศาสนาพระเจ้าหลายองค์
โซโรเอสเตอร์ในอิหร่าน พระพุทธเจ้าในอินเดีย ล้วนสอนธรรมอย่างใหม่ในกลียุคทั้งสิ้น แม้แต่ศาสนาคริสต์นิกายใหม่
โปรแตสแตนท์ก็เกิดจากการถอยหลังเข้าคลองของวงการศาสนานิกายคาธอลิคบางแห่ง ตกลง....เราได้หลักวิทยาศาสตร์สังคมัว่า
ศาสนาใหม่ได้เกิดขึ้นในขณะที่สังคมเกิดยุคเข็ญ
และต้นเหตุสำคัญก็คือการกระทำของมนุษย์ต่อมนุษย์นั่นเอง
จบ
No comments:
Post a Comment